วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

บทกลอน ตามสไตล์

ไม่อยากบอกว่า มาต่อกลอนกันเถอะ แต่เรามาอ่านกลอนเล่นๆ กันดีกว่า เป็นการระบายอารมณ์อย่างหนึ่ง จากมิติสู่มิติ
เรามาเริ่มกันเลยนะ

เมื่อเราเดินหน้าแล้วก็จงหวนกลับคิดสักนิด
ไม่จำเป็นที่จะย้อนอดีตที่ตามติดดังความฝัน
ชีวิตเรามีขึ้นลงอยู่ทุกวัน
ดังความฝันที่พึ่งเกิดอยู่เนืองๆ
ที่ผ่านมาผ่านไปดังใจคิด
ฟ้าลิขิตแล้วเรากำหนดชะตาไหม
อย่าโทษสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเราไย
แล้วไฉนจึงคิดว่าเป็นฟ้าบันดาล
หวนความคิดลงสู่เมื่อเยาว์วัย
ใครหนอเฝ้าห่วงใยอาทรหนักหนา
ทั้งอุ้มชูปูเสื่อทุกเมื่อทุกเวลา
เมื่อหิวหาอาทรก็ได้กิน
ยามเมื่อลูกป่วยล้า น้ำตาตก
แม่เจ็บเสียดในอกกว่าไหนๆ
ห่วงนักหนายามเมื่อต้องอยู่ไกล
ทั้งดวงใจโหยหาเอื้ออาทร
เมื่อเติบใหญ่แม่เฝ้าดูด้วยความหวัง
ให้เจ้านั้นเป็นคนดีน่าถนอม
ทั้งขัดเกลาให้เจ้านั้นมีความพร้อม
ล้วนพร่ำสอนให้เจ้าเป็นคนดีของสังคม
แม่นั้นเป็นธนาคารตั้งแต่เกิด
ให้เจ้าเบิกได้อย่างไม่หยุดนิ่ง
ให้เจ้าขอได้ทุกครั้ง แม้ไม่มีกิน
แม่ก็ดิ้นหาให้สุดกำลัง
ถึงจะค้อน บ่นว่า แต่ก็ให้
ถึงจะหน่าย เหนื่อยล้า แม่ก็หา
แม่อดได้ แต่ยิ้มได้เมื่อลูกอิ่มทุกครา
แม่นั้นหนา เป็นทุกอย่างของลูกเลย
พ่อนั้นเล่าเหมือนร่มโพธิ์แสนอบอุ่น
เหมือนปุยนุ่นโอบอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขน
เมื่อมีพ่อแสนปลอดภัยทุกแรมเดือน
พ่อนั้นเหมือนเป็นทุกอย่างของร่มเงา
พ่อปลูกสร้างริเริ่มอย่างแข็งแกร่ง
พ่อทุ่มแรงกายใจเพื่อสร้างฝัน
ให้ครอบครัวอบอุ่น ปลอดภัยพลัน
ล้วนสร้างสรรค์ ให้ความคิด สถิตใจ